รัฐบาล ย้ำ กู้ 2 ล้านล้านจำเป็น เพื่อพัฒนาประเทศ

การประชุมสภาผู้แทนราษฎร วันแรก(19 ก.ย.)ของการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อการ พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศ วงเงิน 2 ล้านล้านบาท ในวาระ 2

รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ย้ำ จำเป็นต้องออกร่าง พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาท ลงทุนโครงสร้างพื้นฐานประเทศ เพื่อความต่อเนื่องของโครงการและแยกงบประมาณให้ชัดเจนง่ายต่อการตรวจสอบและ โปร่งใส

บรรยากาศการประชุมวันนี้(19 ก.ย.) นายกรณ์ จาติกวณิช ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายโดยตั้งคำถามต่อรัฐบาลถึง ความจำเป็นในการกู้เงินจำนวน 2 ล้านล้านบาท เพื่อดำเนินโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่งของประเทศ ซึ่งเห็นว่าการดำเนินโครงการดังกล่าวสามารถดำเนินการได้ โดยไม่จำเป็นต้องกู้เงิน หรือ ออกกฎหมายฉบับดังกล่าว

เรื่องนี้นาย กิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ชี้แจง ถึงเหตุผลที่รัฐบาลต้องกู้เงินและออกร่าง พระราชบัญญัติกู้เงิน 2 ล้านล้านบาท ว่า เพื่อความต่อเนื่องการดำเนินโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขน ส่ง และเหตุผลที่ออกเป็นกฎหมายพิเศษ เพื่อแยกงบประมาณให้ชัดเจน เพื่อความโปร่งใสและสามารถตรวจสอบได้
ด้านนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ชี้แจงในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาท โดยย้ำว่า การกู้เงิน 2 ล้านล้านบาท เป็นการกู้ในระยะ 7 ปี เฉลี่ยปีละ 2-3 แสนล้านบาท เทียบกับ GDP ประเทศ 11-12 ล้านล้านบาท ถือว่าเหมาะสม เนื่องจากเป็นการวางแผนระยะยาว และต้องทำในภาครวม และต้องดูในระยะยาว ซึ่งถ้าไม่ทำในตอนนี้ อนาคตค่าใช้จ่ายก็เพิ่มมากขึ้น โดยต้องดูมิติเวลาเข้ามาร่วมด้วย

ส่วน ประเด็นเรื่องโลจิสติกส์นั้น ต้องพิจารณาถึงการบริหารจัดการ , การจัดการสินค้าคงคลัง และการขนส่ง โดยปกติรัฐบาลจะเป็นผู้จัดการเรื่องคมนาคมขนส่งหรือโครงข่ายเท่านั้น ส่วนที่เหลือเป็นเรื่องของเอกชนเป็นหลัก ดังนั้น จึงไม่นำเรื่องโลจิสติกส์รวมเข้ามา

ขณะที่เรื่องการทุจริตนั้น รัฐบาลวางมาตรการต่างๆ ไว้รองรับแล้ว เช่น การคำนวนราคากลาง การเชิญภาคเอกชนมาร่วมสังเกตการณ์ ขั้นตอนการศึกษาที่ต้องผ่านหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

ที่มาของบทความ

(1136)

Comments are closed.